วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 อาชีพ 10 คณะยอดฮิตที่เรียนแล้วไม่ตกงานมีงานทำในอนาคต ตวามต้องการสูง (ไม่ล้นตลาด) ตามเทรนอาเซียน


10. เภสัชกร


นิยามอาชีพ
        
  นำแนวคิดและทฤษฎีทางด้านเภสัชศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการเตรียมและผสมยาหรือจำหน่ายเวชภัณฑ์และยาต่าง ๆ เตรียมและจัดแจงเวชภัณฑ์ตามใบสั่งยาของแพทย์ ทันตแพย์และ สัตวแพทย์ หรือทำการผสมสูตรยา ตรวจดูใบสั่งยาเพื่อให้แน่ใจว่าขนาดของยาที่สั่งเป็นขนาดที่เหมาะสม และเพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้ หรือผู้ที่จ่ายยาให้คนไข้ เข้าใจวิธีการใช้ยา รวมทั้งให้การแนะนำในกรณีที่เกิดการแพ้ยา จัดเวชภัณฑ์และยาใน
          โรงพยาบาล หรือจำหน่ายในร้ายขายยาทั่วไป จดบันทึกรายการยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเสพติดสารพิษ และยาที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมซ้ำซาก ทดสอบตัวยาเพื่อให้รู้ว่าเป็นยาอะไร สกัดยาให้บริสุทธิ์และเข้มข้นขึ้น มีส่วนร่วมในการพัฒนา กฎ ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ เขียนรายงานและวารสารทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องและควบคุมดูแลผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ
ลักษณะของงานที่ทำ
        
ค้นคว้าและพัฒนาสูตรยาตำรับใหม่ๆเพื่อขึ้นทะเบียนและส่งสูตรที่สำเร็จแล้วให้ฝ่ายผลิตเพื่อทำการผลิตยาออกจำหน่าย ควบคุมการผลิตยาให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ วิเคราะห์ ตรวจสอบยาที่ผลิตให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ปรุงยา จ่ายยาและสิ่งที่เกี่ยวข้องตามใบสั่งหรือตามสูตร เตรียมการผลิตยา เช่นยาน้ำ ยาขี้ผึ้ง ยาผง ยาเม็ดกลม ยาเม็ดแบน แค็ปซูล และยาฉีดตามใบสั่งของแพทย์หรือตามสูตรที่ได้รับการรับรองแล้ว ชี้แจงแก่แพทย์ พยาบาลและผู้ปฏิบัติงานในแขนงอื่นๆ ทางการแพทย์เกี่ยวกับยา เคมีภัณฑ์และการใช้สิ่งนั้นๆ ควบคุมและจ่ายยาเสพติดให้โทษ ยาพิษ และสารพิษที่ต้องการใช้เพื่อการแพทย์ กิจการในบ้าน อุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรม และจ่ายสิ่งนั้นๆ ตามกฎข้อบังคับ ทำหน้าที่วิเคราะห์และทดสอบตามปกติ เพื่อให้ทราบชนิดความบริสุทธิ์และความแรงของยา จัดระเบียบและควบคุมรักษายาในคลังทำบัญชีประจำคลังโดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น ยาเสพติดให้โทษ ยาอันตราย ยาสามัญ เคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ในการแพทย์ อาจจัดซื้อเวชภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์และสะสมเครื่องใช้ในการแพทย์ไว้จ่ายแก่คนไข้ และห้องรักษาโรค อาจผลิต จำหน่าย และชี้แจงเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น สุขภัณฑ์ เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์สำหรับเกษตรกรรมและพืชสวน และยาสำหรับสัตว์ ศึกษาวิธีการปฏิบัติงานที่รับผิดชอบ รวมทั้งวิธีการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่นเครื่องจักรที่ใช้ผลิตยา เครื่องมือในการวิเคราะห์ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของเครื่องมือ 
 
สภาพการจ้างงาน     
   

   ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ได้รับค่าตอบแทนการทำงานเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา เภสัชกรที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจะได้รับเงินเดือนในอัตรา ดังนี้ 

     ประเภทองค์กร                      เงินเดือน
       ราชการ                                     7,260 
      รัฐวิสาหกิจ                                  8,500
      เอกชน                               15,000 –18,000

          ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง แต่อาจจะต้องทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และ วันหยุด หรือทำงานล่วงเวลา ในกรณีที่ต้องการให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จให้ทันต่อการใช้งาน
          นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้ว ในภาครัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนอาจได้รับผลตอบแทนในรูปอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น 
สภาพการทำงาน
          ผู้ประกอบอาชีพเภสัชกรอาจต้องทำงานในห้องทดลอง เพื่อปฏิบัติงานด้านปรุงยา จ่ายยาและสิ่งที่เกี่ยวข้องตามใบสั่งหรือสูตร เตรียมหรือควบคุมการผลิตยา  (ยาน้ำ ยาขี้ผึ้ง ยาผง ยาเม็ดกลม ยาเม็ดแบน  แคปซูล  และยาฉีด)  ตามใบสั่งของแพทย์  หรือตามสูตรที่รับรองกันแล้ว ทำการทดสอบยา ต้องอยู่กับสารเคมีที่ต้องใช้ในการทดสอบ ซึ่งสารเคมีในห้องปฏิบัติการทดลองอาจจะทำปฏิกิริยาที่ทำให้เป็นอันตรายได้ ดังนั้น จึงต้องรู้จักวิธีใช้ และวิธีป้องกันรวมทั้งปฏิบัติงานตามขั้นตอนตามระเบียบที่กำหนดไว้ ต้องทำงานในบริเวณที่กำหนด และเป็นบริเวณห้ามสูบบุหรี่หรือรับประทานอาหารต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน  เช่น  ถุงมือ  หน้ากาก เป็นต้น  
          เภสัชกรอาจจะทำงานในห้องจ่ายยา  หรือร้านขายยาโดยทำหน้าที่ควบคุมการจัดยาให้ถูกต้องตามแพทย์สั่ง จัดระเบียบควบคุมรักษายาในคลัง และแนะนำคนไข้ในการใช้ยา 
 
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ 
1.  สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขาวิชาเภสัชศาสตร์ 
2.  มีสุขภาพกายและจิตใจดี  ไม่พิการ   ไม่ตาบอดสี  มีมนุษยสัมพันธ์ดี    มีความสามารถเป็นผู้นำได้เนื่องจากอาจจะทำงานควบคุมผู้อื่นโดยเฉพาะในงานการผลิต มีบุคลิกภาพดี
3.  รักในอาชีพนี้ มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมสูง
4.  ต้องมีความสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์ เคมี ชีววิทยา และสามารถสอบได้คะแนนดีในวิชาเหล่านี้
5.  ชอบการค้นคว้าทดลอง การใช้ปัญญาในการวิเคราะห์
6.  มีความละเอียดรอบคอบ ช่างสังเกต
7.  ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ
8.  ผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ต้องชอบการท่องจำ เพราะจำเป็นต้องจำชนิดของยา ส่วนประกอบของยา ชื่อและประโยชน์ของต้นไม้ที่มีฤทธิ์ทางยารวมทั้งชื่อยาและชื่อสารเคมีที่ใช้ในการรักษาโรค
ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ 
          สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า สมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษา ในคณะเภสัชกรรม สาขาวิชาเภสัชศาสตร์  (หลักสูตร 6 ปี) จากสถาบันอุดมศึกษาของภาครัฐหรือภาคเอกชน  เช่น  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   มหาวิทยาลัยขอนแก่น    มหาวิทยาลัยเชียงใหม่   มหาวิทยาลัยมหิดล  เป็นต้น
 โอกาสในการมีงานทำ
         ปัจจุบัน ความต้องการยาสำหรับรักษาโรคทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และแผนโบราณเพิ่มมากขึ้นตามอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรและชนิดของเชื้อโรคที่พัฒนาตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป การพัฒนาคุณภาพของยา ตลอดจนการควบคุมขั้นตอนการผลิตยารักษาโรค ให้มีประสิทธิภาพในการบำบัดรักษาต้องดำเนินการอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้มียาที่สามารถใช้ในการรักษาบำบัดโรคต่างๆ ที่เพียงพอกับจำนวนประชากร เภสัชกรจึงยังเป็นที่ต้องการทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชนเป็นอย่างมากแนวโน้มของโอกาสในการมีงานทำของอาชีพนี้ ยังคงมีอยู่ ดังนั้น ผู้สำเร็จการศึกษาทางด้านนี้สามารถหางานทำได้ง่าย และหากไม่เลือกงานก็จะไม่มีการตกงานเลยสำหรับเภสัชกร อาชีพเภสัชกรสามารถทำงานในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เช่น โรงพยาบาล องค์การเภสัชกรรม ส่วนในหน่วยงานเอกชน ได้แก่ บริษัทผลิตยา บริษัทนำเข้ายา บริษัทผลิตเครื่องสำอางหรืออาจประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยการเปิดร้านขายยา 
 
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ   

        ผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการในโรงพยาบาลทั่วไป ในองค์การเภสัชกรรม  จะได้รับตำแหน่งและเลื่อนขั้นยศตามขั้นตอนของระบบราชการ  การศึกษาต่อเพิ่มเติมจะช่วยให้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้รวดเร็วและสามารถเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานได้ ส่วนในภาคเอกชนนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างการบริหารงานขององค์กร ซึ่งสามารถเป็นผู้จัดการโรงงาน ผู้จัดการด้านคุณภาพหรือผู้จัดการ ฝ่ายขาย 
          เภสัชกรสามารถประกอบธุรกิจส่วนตัว คือ  เป็นเจ้าของร้านขายยาสำหรับผู้ที่สามารถผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์อื่นที่สามารถบำบัดรักษาอาการ เจ็บป่วยหรือบำรุงรักษาสุขภาพได้โดยผ่านการทดสอบและได้รับอนุญาตจากองค์การเภสัชกรรมสามารถจดลิขสิทธ์การเป็นเจ้าของสูตรในการปรุงยา  หรือผลิตภัณฑ์นั้น และผลิตเป็นสินค้าออกจำหน่ายในลักษณะอุตสาหกรรมได้เช่นกัน
อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
          ตัวแทนจำหน่ายยา เจ้าของร้านขายยา ผู้ควบคุมห้องทดลองปฏิบัติการ   พนักงานตรวจสอบอาหารและยา


10 อาชีพ 10 คณะยอดฮิตที่เรียนแล้วไม่ตกงานมีงานทำในอนาคต ตวามต้องการสูง (ไม่ล้นตลาด) ตามเทรนอาเซียน

9. นิติศาสตร์


นิยามอาชีพพนักงานอัยการ
          อำนวยความยุติธรรมในสังคม และรักษาผลประโยชน์ของรัฐ โดยในคดีอาญามีฐานะเป็นโจทก์แทนแผ่นดินมีอำนาจและหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายอื่นในด้านคดีแพ่ง มีอำนาจและหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ดำเนินคดีแทนรัฐบาลในศาลทั้งปวง พิจารณารับว่าแก้ต่างให้แก่นิติบุคคล ซึ่งได้มีพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้นหรือให้แก่รัฐบาล ซึ่งเป็นโจทก์หรือจำเลยและมิใช่เป็นคดีพิพาทกับรัฐบาลเมื่อพนักงานอัยการเห็นสมควร และในด้านคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน มีอำนาจหน้าที่ให้บริการ ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เช่น การประนอมข้อพิพาท การให้ความช่วยเหลือทางอรรถคดี และการฟ้องคดีแทนราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดที่ไม่อาจฟ้องเองได้เพราะกฎหมายห้าม เป็นต้น รวมถึงการให้ความช่วยเหลือในการรับแก้ต่างให้เจ้าพนักงานผู้ถูกฟ้องทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญาในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ หรือรับแก้ต่างให้แก่ราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดในเรื่องการที่ได้กระทำตามคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งได้สั่งการโดยชอบด้วยกฎหมาย
ลักษณะของงานที่ทำของอาชีพพนักงานอัยการ
          ภารกิจ และหน้าที่หลักของผู้ประกอบอาชีพนี้ สามารถสรุปได้โดยย่อดังนี้ 


 1. งานอำนวยความยุติธรรมทางอาญา เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลและคานอำนาจการใช้ดุลพินิจทั้งของพนักงาน


สอบสวนและศาลเพื่อให้เป็นไปอย่างถูกต้องชอบธรรม
          ในคดีอาญา อัยการมีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการ เช่น ฟ้องคดีต่อศาล ยื่นฟ้องคดีที่ผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องไว้แล้วแต่ถอนฟ้องคดีนั้น เว้นเสียแต่คดีซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัว ทำการตรวจสอบสำนวนคดีของพนักงานสอบสวนที่ได้สอบสวนผู้กระทำความผิดกฎหมายอาญาแล้ว กรณีที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องและพนักงานอัยการเห็นชอบด้วย ให้ออกคำสั่งไม่ฟ้องและแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็สั่งฟ้องและแจ้งพนักงานสอบสวนให้ส่งตัวผู้ต้องหามาเพื่อฟ้องหรือจัดการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหามาฟ้องคดีต่อศาล เป็นต้น 
          ในคดีแพ่งมีอำนาจหน้าที่ดำเนินคดีแทนรัฐบาลในศาลทั้งปวง หรือในกรณีเทศบาล หรือสุขาภิบาล หรือนิติบุคคล ซึ่งได้มีพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งขึ้นเป็นโจทก์หรือเป็นจำเลย ซึ่งไม่ใช่เป็นคดีที่พิพาทกับรัฐบาล เมื่อพนักงานอัยการเห็นสมควรจะรับว่าต่างหรือแก้ต่างคดีก็ได้
 2. งานด้านคดีอาญาระหว่างประเทศ ในกรณีคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการร่วมมือกับต่างประเทศในการสอบสวนและอื่นๆ 
 3. งานด้านรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ให้คำแนะนำปรึกษาหารือปัญหาข้อกฎหมาย แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้การบริหารราชการของหน่วยงานดังกล่าวลุล่วงไปด้วยดี และรับดำเนินการว่าต่างแก้ต่างให้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด รวมถึงการตรวจร่างสัญญาต่างๆ ก่อนลงนาม
 4. งานด้านคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน รับหน้าที่ในคดีที่ราษฎรไม่อาจเป็นโจทก์

ฟ้องร้องคดีได้โดยมีกฎหมายห้ามไว้ เมื่อพนักงานอัยการเห็นสมควรก็จะดำเนินคดีแทนให้ เช่น คดีอุทลุมที่บุตรไม่อาจฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบุพการีได้ เป็นต้น หรือในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษบุคคลใดโดยลำพัง ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ปล่อยผู้นั้น เมื่อพนักงานอัยการเห็นสมควรจะฎีกาก็ได้ หรือในกรณีที่มีการผิดสัญญาประกันจำเลยตามกฎหมาย อัยการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินคดีในการบังคับให้เป็นไปตามสัญญานั้น และให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย ตลอดจนช่วยทำนิติกรรมสัญญาและประนอมข้อพิพาทให้แก่ประชาชนทั่วไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ 
 5. งานตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง กรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือข้าราชการระดับสูงผู้ใดเมื่อถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไต่สวนแล้วเห็นว่ามีมูล จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นงานตามที่กำหนดโดยรัฐธรรมนูญ 
 6. งานพิเศษ เช่น งานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยมีโครงการเผยแพร่ความรู้และช่วยเหลือทางกฎหมายให้แก่ประชาชน โครงการสนับสนุนการระงับข้อพิพาททางแพ่งในระดับท้องถิ่นโดยอนุญาตตุลาการ ฝึก

อบรมความรู้กฎหมายเบื้องต้นทางกฎหมายแก่ผู้นำหมู่บ้าน กลุ่มเยาวชน กลุ่มเกษตรกร พัฒนากร ครูและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่อยู่ในตำบล ช่วยเหลืออรรถคดีแก่ประชาชนที่ยากจนทั้งคดีว่าต่างและแก้ต่าง หรือหากประชาชนมีปัญหาด้านกฎหมาย ก็สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สำนักงานอัยการจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ

สภาพการจ้างงาน


          ผู้ประกอบอาชีพนี้ จะต้องผ่านการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าบรรจุเป็นข้าราชการอัยการเเละมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนด เมื่อได้เข้ารับราชการแล้วจะได้รับเงินเดือนเเละเงินประจำตำเเหน่งตามชั้นเงินเดือนจากชั้นที่ 1 จนถึงชั้นที่ 8 โดยตำเเหน่งสูงสุดคืออัยการสูงสุดจะได้รับเงินเดือนๆ ละ 62,000 บาท และเงินประจำตำแหน่งชั้น 8 เดือนละ 42,500 บาท ลงมาถึงอัยการผู้ช่วยจะได้รับเงินเดือนชั้นที่ 1 โดยไม่มีเงินประจำตำแหน่งในอัตราเดือนละ 14,850 บาท จนกว่าจะเป็นอัยการประจำกองหรืออัยการจังหวัดผู้ช่วย ซึ่งจะได้รับเงินเดือนๆ ละ 21,370 บาท และเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 7,900 บาท
          การพิจารณาเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งพิจารณาจากความสามารถ ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และอายุการทำงานของแต่ละบุคคลไป เวลาในการปฏิบัติงานต้องปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างเวลา 08.30 – 16.30 น. ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ หรือสัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง


สภาพการทำงาน         
 องค์กรอัยการมีฐานะเป็นหน่วยงานราชการอิสระเทียบเท่ากรมที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ประกอบอาชีพนี้ เป็นข้าราชการอัยการ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการอัยการ พ.ศ. 2503 ตามกฎหมายกำหนดให้มีพนักงาน

อัยการปฏิบัติราชการประจำองค์กร ดังนี้    ในกรุงเทพมหานคร 
 1. สถาบันกฎหมายอาญา 
 2. สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ  
 3. สำนักงานคณะกรรมการอัยการ
 4. สำนักงานอำนวยการ (งานด้านธุรการ)  
 5. สำนักงานคดีแพ่ง
 6. สำนักงานคดีแพ่งกรุงเทพใต้
 7. สำนักคดีแพ่งธนบุรี
 8. สำนักงานคดีภาษีอากร 
 9. สำนักงานคดียาเสพติด
 10. สำนักคดีเยาวชนและครอบครัว
 11. สำนักคดีแรงงาน
 12. สำนักงานคดีศาลแขวง
 13. สำนักคดีศาลสูง
 14. สำนักคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร
 15. สำนักคดีอาญา
 16. สำนักคดีอาญากรุงเทพใต้
 17. สำนักคดีอาญาธนบุรี
 18. สำนักคดีอัยการสูงสุด
 19. สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน
 20. สำนักงานต่างประเทศ
 21. สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย
 22. สำนักงานวิชาการ
 23. สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
 24. สำนักงานคดีล้มละลาย
 25. สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
 26. สำนักงานคดีปกครอง
          องค์กรในจังหวัดต่างๆ 
 1. สำนักงานอัยการเขต 1 – 9 
 2. สำนักอัยการจังหวัด มี 75 สำนักงาน
 3. สำนักงานอัยการประจำศาล อยู่ที่อำเภอ 23 สำนักงาน รับผิดชอบคดีศาลแขวง 21 สำนักงาน รับผิดชอบคดีเยาวชนและครอบครัว 33 สำนักงาน
 4. สำนักงานคดีปกครองเชียงใหม่
 5. สำนักงานคดีปกครองสงขลา
 6. สำนักงานคดีปกครองนครราชสีมา
 7. สำนักงานคดีปกครองขอนแก่น
 8. สำนักงานคดีปกครองพิษณุโลก
 นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ร่วมกับแพทย์นิติเวช พนักงานฝ่ายปกครอง พนักงานสอบสวนออกไปชันสูตรพลิกศพผู้ที่ตายจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน (วิสามัญฆาตกรรม) หรืออยู่ในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน ตามที่กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กำหนดให้เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการ นอกจากนั้น ยังเข้าร่วมคุ้มครองเด็กซึ่งอยู่ในฐานะผู้เสียหาย พยาน หรือผู้ต้องหา ในการสอบสวนในคดีอาญา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ หรือนักจิตวิทยาเข้าร่วมสอบสวนด้วย โดยมีการผลัดเปลี่ยนเวรกันทั้งในเวลาราชการและนอกราชการ


คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพมีดังต่อไปนี้
 1. จบหลักสูตรนิติศาสตร์บัณฑิต หรือสอบไล่ได้รับปริญญา หรือประกาศนียบัตรทางกฎหมายจากต่างประเทศ ซึ่งคณะกรรมการอัยการเทียบว่าไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี


 2. จบตามหลักสูตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
 3. ได้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมายเป็นข้าราชการตุลาการ จ่าศาล รองจ่าศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ 


เจ้าพนักงานบังคับคดี พนักงานคุมประพฤติ นายทหารพระธรรมนูญหรือทนายความ หรือได้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมายอย่างอื่นตามที่คณะกรรมการอัยการกำหนด ทั้งนี้ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี และให้

คณะกรรมการอัยการมีอำนาจออกระเบียบกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพนั้นๆ ด้วย
 4. มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด
 5. มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี
 6. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุทธิ์ใจ
 7. เป็นสามัญสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภา
 8. ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
 9. ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
 10. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งให้พักราชการ หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการหรือตามกฎหมายอื่น
 11. ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ
 12. ไม่เป็นผู้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้ทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
 13. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือมีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสมที่จะเป็นข้าราชการอัยการ หรือเป็นโรคที่ระบุไว้ในกฎกระทรวง
 14. เป็นผู้ที่คณะกรรมการแพทย์มีจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน ซึ่งคณะกรรมการอัยการจะได้กำหนดได้ตรวจ

ร่างกายและจิตใจแล้ว และคณะกรรมการอัยการได้พิจารณารายงานของแพทย์เห็นว่าสมควรรับสมัครได้

ผู้ที่สนใจในอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังนี้
          ต้องผ่านการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยที่มีการเปิดสอนคณะนิติศาสตร์ และต้องสอบได้เนติบัณฑิต (นบ.) นอกจากนี้ยังต้องมีคุณสมบัติดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นทุกประการ
โอกาสในการมีงานทำ
          ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ได้ต้องผ่านการสอบคัดเลือกและต้องมีคุณสมบัติดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นอาชีพที่ต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้เท่านั้น เมื่อผ่านการคัดเลือกแล้วก็จะได้รับตำแหน่งเป็นอัยการผู้ช่วย คือ อัยการชั้น 1 ก่อนในขั้นต้นทุกคน และจะได้พิจารณาเลื่อนขั้นเป็นอัยการประจำกอง หรืออัยการจังหวัดผู้ช่วย (อัยการชั้น 2) ต่อไป 


          เนื่องจากปัจจุบันมีการจัดตั้งศาลยุติธรรมเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับกับคดีที่เกิด เพื่อไม่ให้คดีล้นศาลและเพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาคดี ทำให้ยังคงมีความต้องการพนักงานอัยการเพื่อมาทำหน้าที่มากขึ้น เพื่ออำนวยความยุติธรรมและเป็นหลักประกันความเป็นธรรมให้แก่สังคมต่อไป


โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ 
          ผู้ที่เป็นพนักงานอัยการ จะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดจากคณะกรรมการอัยการ และเมื่อรับราชการในตำแหน่งอัยการไม่น้อยกว่า 2 ปี สามารถสอบคัดเลือกเป็นผู้พิพากษาต่อไปได้ พนักงานอัยการเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ความก้าวหน้าในอาชีพย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถและความซื่อสัตย์ ซื่อตรง หากปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตแล้วย่อมมีความก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างแน่นอน
อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
          นิติกร ผู้พิพากษา พนักงานสอบสวน อาจารย์พิเศษสอนวิชานิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน เจ้าของสำนักงานกฎหมาย หรือทนายความผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายในหน่วยงานกฎหมายระหว่างประเทศ




10 อาชีพ 10 คณะยอดฮิตที่เรียนแล้วไม่ตกงานมีงานทำในอนาคต ตวามต้องการสูง (ไม่ล้นตลาด) ตามเทรนอาเซียน

8. นักวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์



นิยามอาชีพ
        
  นำหลักการทางฟิสิกส์มาใช้ในการปฏิบัติงาน : ทำการวิจัยขั้นมูลฐานเพื่อศึกษาปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ในแขนงต่าง ๆ เช่น กลศาสตร์ ความร้อน แสง เสียง ไฟฟ้า  และแม่เหล็ก อิเล็กทรอนิกส์และอะตอม ; ทำการวิจัยประยุกต์และพัฒนาวิธีปฏิบัติการทางฟิสิกส์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัติและปรากฏการณ์ต่าง ๆ  ; ประยุกต์ใช้หลักการทางฟิสิกส์ขั้นมูลฐานทางด้านอุตสาหกรรม ; ออกแบบและปฏิบัติ การทดลองด้วยเครื่องมือพื้นฐานทางฟิสิกส์ ปฏิบัติการวัดและวิจัยโดยใช้อุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนในการดูแลของ นักฟิสิกส์เฉพาะทาง ; ทำการสอนและพัฒนาแนวความคิดทางทฤษฎีและปฏิบัติการ
ลักษณะของงานที่ทำ
1. ตรวจสอบปรากฎการณ์ทางฟิสิกส์และกฎทางฟิสิกส์มาใช้ในทางปฎิบัติ 
2. ทำการวิจัยขั้นมูลฐานเกี่ยวกับปรากฎการณ์ทางฟิสิกส์ ในแขนงต่างๆ เช่น กลศาสตร์ ความร้อนเสียง แสง ไฟฟ้า และแม่เหล็กอิเล็กทรอนิกส์   และอะตอม เพื่อค้นหากฎขั้นมูลฐานของวิชาฟิสิกส์ 
3. ทำการวิจัยประยุกต์ และพัฒนาวิธีการปฎิบัติในห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์  เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัติ และปรากฎการณ์ต่างๆ ในแขนงวิชาเหล่านี้ 
4. นำหลักทางวิทยาศาสตร์ขั้นมูลฐานมาใช้ในด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับการวัดที่ละเอียดและแม่นยำ 
5. ออกแบบและสร้างเครื่องวิทยุ  ทรรศนอุปกรณ์ และการทดสอบทางฟิสิกส์ของ วัตถุต่างๆ
สภาพการจ้างงาน
          สำหรับบุคลากรในอาชีพนี้จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาโดย มีรายได้ขั้นต่ำในตำแหน่งนักฟิสิกส์ ที่สำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีและไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ดังนี้
  ประเภทองค์กร               เงินเดือน
     ราชการ                           7,260
     รัฐวิสาหกิจ                       8,500
      เอกชน                     9,000 – 12,000
          ส่วนมากทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจจะทำงานล่วงเวลา ทำงานวันเสาร์   วันอาทิตย์  วันหยุดหรือในกรณีที่ต้องการให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จให้ทันต่อการใช้งาน นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผล ประโยชน์พิเศษอย่างอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม  เงินช่วยเหลือ สวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น 
สภาพการทำงาน 
          ผู้ประกอบอาชีพนี้ทำงานในสถานที่ทำงานที่มีสภาพเหมือนสถานที่ทำงานทั่วไป คือ เป็นสำนักงานที่มีอุปกรณ์  สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สำนักงานทั่วไป  สำหรับบางหน่วยงานที่ตรวจสอบ ทดลอง หรือวิจัยต้องปฏิบัติการในห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือทดสอบอุปกรณ์ที่วิจัยในภาคสนามต้องมีความละเอียดรอบคอบ เนื่องจากอาจจะเกิดอันตรายจากการทดสอบหรือวิจัยงาน 
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ 
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาฟิสิกส์
2.  มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบประดิษฐ์ คิดค้น 
3.  มีความรับผิดชอบในหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย 
4.  มีบุคลิกดี มนุษยสัมพันธ์ดี รักความก้าวหน้า 
5.  มีความขยันและอดทน 
6.  มีความคิดกว้างไกล เพราะอาชีพนี้จะทำงานที่ต่อเนื่องเพื่อให้การปฏิบัติงานทางฟิสิกส์สำเร็จตามที่ตั้งใจในชิ้นนั้นๆ
ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ 
          ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์หรือประกาศนียบัตร วิชาชีพจากสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะมีคะแนนสูงในวิชา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เพื่อสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาโดยใช้ระยะเวลาการศึกษา 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษา แล้วจะได้รับปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต  (วทบ. สาขาฟิสิกส์)
โอกาสในการมีงานทำ
         
ผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านนี้  สามารถที่จะติดตามการรับสมัครงานตามหน่วยงาน  กรม กองต่าง ๆ แล้วพิจารณาว่าตนเองมีคุณสมบัติตามที่ต้องการหรือไม่  เช่น  กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมแพทย์ทหารบก  มหาวิทยาลัยต่างๆ กระทรวงศึกษาธิการ  กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กรมอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอุตุนิยมวิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน  กรมตำรวจ  กองฟิสิกส์หลักฐาน  สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ   กองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ หรืออาจจะเข้าทำงานในภาคเอกชน ในสถานประกอบการผลิต ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการวัดที่ละเอียดและแม่นยำ 
          โดยความเป็นจริงแล้ว มีความต้องการนักฟิสิกส์มาก แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำและนักฟิสิกส์ส่วนใหญ่ทำงานกับหน่วย งานของราชการ ทำให้ความต้องการค่อนข้างน้อย  เนื่องจากงบประมาณมีจำกัดและเป็นการจ้างหรือ บรรจุงานเพื่อทดแทนอัตราที่ว่างลงส่วนอัตราใหม่มีไม่มากนัก  อย่างไรก็ตามการเป็นอาจารย์ในระดับอุดมศึกษาจะดีที่สุด เพราะเป็นที่ต้องการของสถาบันการศึกษาทุกสถาบัน  เนื่องจากประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรด้านนี้อยู่มาก
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
         
ผู้รับราชการเป็นครูหรืออาจารย์สอน หรือทำงานวิจัยในกรม กอง และสถาบันค้นคว้าและวิจัยจะมีโอกาสก้าวหน้าในระดับผู้บริหาร หรือถ้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทหรือเอกจนสำเร็จการศึกษา ก็สามารถทำงานเป็นอาจารย์หรือทำงานในหน่วยงานภาครัฐ   โดยทำงานในหน่วยงานปฏิบัติการวิจัยทางฟิสิกส์ สำหรับผู้ที่ชอบประดิษฐ์   ค้นคว้า  อาจคิดค้นประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้นำมาผลิตออกเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายเป็น
อุตสาหกรรมได้


10 อาชีพ 10 คณะยอดฮิตที่เรียนแล้วไม่ตกงานมีงานทำในอนาคต ตวามต้องการสูง (ไม่ล้นตลาด) ตามเทรนอาเซียน

7.สปา เเละ เเพทย์เเผนไทย




  การแพทย์แผนไทย หรือมักเป็นที่รู้จักกันว่า การแพทย์แผนโบราณ เป็นความพยายามจะอธิบายภาวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งสภาวะปกติ และสภาวะที่ผิดปกติ (เป็นโรค) โดยใช้ทฤษฎีความสมดุลของธาตุต่าง ๆ ในร่างกายเข้ามาอธิบาย ผสมผสานองค์ความรู้จากวัฒนธรรมอินเดีย พุทธศาสนา และองค์ความรู้ที่ถูกพัฒนาขึ้นเองโดยครูการแพทย์แผนไทย คือ ชีวกโกมารภัจจ์การแพทย์แผนไทย อาจหมายถึง กระบวนการทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับการตรวจ วินิจฉัย บำบัด หรือป้องกันโรค หรือการส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพของมนุษย์หรือสัตว์ การผดุงครรภ์ การนวดไทย และหมายความรวมถึงการเตรียมการผลิตยาแผนไทย ประดิษฐ์อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ โดยอาศัยความรู้หรือตำราที่ได้ถ่ายทอดและสืบต่อกันมา การแพทย์แผนไทยอาจจะไม่มีองค์ความรู้ด้านกลไกการเกิดโรค และเทคนิคทางศัลยกรรมมากนัก แต่ต้องมีองค์ความรู้ด้านกลวิธีทางคลินิก เช่น การซักประวัติ และการรักษาด้วยยา เพียงแต่ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ทางคลินิก (Evidence-based clinical knowledge) ซึ่งก็มาจากกฎข้อบังคับตามใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทย ที่ว่า "มิให้แพทย์แผนไทยกระทำการอันเป็นวิทยาศาสตร์ใด ๆ" นั่นเอง ทำให้ไม่สามารถมีการตั้งสมมุติฐานและวิจัยได้อย่างเต็มที่
แพทย์แผนไทยประยุกต์
แพทย์แผนไทยประยุกต์ คือ บุคลากรทางการแพทย์สาขาหนึ่ง เกิดขึ้นจากแนวคิดของนายแพทย์ อวย เกตุสิงห์ ซึ่งต้องการพัฒนาและยกฐานะของการแพทย์แผนไทยโบราณให้มีความเป็นวิทยาศาสตร์และมีหลักวิชาการรองรับในการอธิบาย อาจกล่าวได้ว่า แพทย์แผนไทยประยุกต์เป็นบุคลากรการแพทย์สายพันธุ์ใหม่ของสังคมไทย ที่ครึ่งหนึ่งขององค์ความรู้จะต้องร่ำเรียนตามหลักวิชาการทางการแพทย์แผนตะวันตก ผสมผสานกับคัมภีร์แพทย์แผนโบราณของไทย สามารถใช้เครื่องมือทางการแพทย์แผนปัจจุบันได้บางอย่าง (ตามที่ข้อกฎหมายกำหนด 13 รายการ) สามารถวินิจฉัยตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบัน เพียงแต่เมื่อถึงขั้นตอนในการรักษานั้น ต้องรักษาด้วยวิธีการการแพทย์แผนไทยอาทิการใช้ยาสมุนไพร นวด อบ ประคบ นอกจากนั้น ยังสามารถทำคลอดและให้การบำรุงแม่และทารก ตามแนวทางการแพทย์แผนไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพ  แพทย์แผนไทยประยุกต์จะต้องสอบใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โดยเฉพาะเสียก่อน จึงสามารถปฏิบัติงานในโรงพยาบาล หรือให้การรักษาแก่ผู้ป่วยได้ การสอบใบประกอบโรคศิลปะนั้น จะต้องสอบใบประกอบโรคศิลปะสาขาแพทย์แผนไทยประยุกต์เท่านั้น จึงจะเป็นแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่สมบูรณ์และถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์ที่จะสอบใบประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทยสาขาเวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย และผดุงครรภ์

 การจัดการเรียนการสอนสาขาการแพทย์แผนไทย

ในปัจจุบัน มีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการผลิตบัณฑิตในสาขาการแพทย์แผนไทยมากขึ้น ซึ่งการแพทย์แผนไทยกับการแพทย์แผนไทยประยุกต์ นั้นมีความแตกต่างกันชัดเจน คือ การแพทย์แผนไทย เน้นการวินิจฉัย การรักษา และการจ่ายยา ด้วยหลักการของการแพทย์แผนไทย และจ่ายยาด้วยสมุนไพรเพียงแต่มีข้อจำกัดในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบตะวันตก ซึ่งต้องสอบใบประกอบโรคศิลปะเช่นเดียวกัน แต่ขึ้นทะเบียนกันคนละประเภทกัน 
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนการแพทย์แผนไทย มีดังนี้
    *   คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาการแพทย์แผนไทย